Where thoughts connect and life unfolds.

ปัญญาวิปโยค

แนะนำปัญญาวิปโยค

นวนิยายเชิงสารคดีเป็นแนวที่ผมไม่เคยอ่านมาก่อน เป็นสารคดีที่ใช้ตัวละครที่เป็นบุคคลที่อยู่ในประวัติศาสตร์ และเล่าจากมุมมองระยะใกล้ ข้อมูลเกร็ดความรู้และหลักการทางเคมี ฟิสิกส์ก็เป็นความรู้ที่มีอยู่จริง แต่พฤติกรรมหลายๆ อย่างของอัจฉริยะเหล่านี้น่าจะเป็นเรื่องที่แต่งเพิ่มขึ้นตามจุดประสงค์คนแต่งเพราะมันประหลาดเกินคนปกติไปเยอะ เรื่องหลักที่พูดถึงบ่อยครั้งคือการค้นพบทางคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มีทั้งคุณและโทษ คนๆ เดียวกันนั้นสามารถเป็นสาเหตุให้คนตายนับล้าน แต่ขณะเดียวกันในอีกด้านหนึ่งก็ช่วยชีวิตคนนับล้านไม่น้อยไปกว่ากัน

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงตอนดูหนังเรื่อง ออพเพนไฮเมอร์ ของโนแลน คือมีอัจฉริยะหลายคนปรากฏตัวในเรื่อง ต่อสู้กันทางปัญญา รักกัน เกลียดกัน หักล้างทฤษฎีกัน หรือส่งเสริมทฤษฎีกันก็มี ลักษณะการเล่าเรื่องของเล่มนี้เป็นการเล่าเรื่องสั้นห้าเรื่องต่อกัน แล้วมาขมวดประเด็นในเรื่องสั้นเรื่องสุดท้าย พร้อมกับให้รายชื่อหนังสืออ้างอิงเพื่อให้คนที่อยากรู้ว่าอะไรจริงอะไรแต่งไปอ่านต่อ

สำหรับผมติดใจตั้งแต่บทแรกเลยคือ ‘สีน้ำเงินปรัสเซีย’ เป็นวิธีเล่าที่ผมชอบอ่านแล้วไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องแต่ง เป็นเรื่องที่วิ่งรอบการค้นพบสีน้ำเงินใหม่ ที่ทำให้ได้สีคล้ายสีน้ำเงินอัลตรามารีนราคาแสนแพง ผลิตได้ในราคาปกติ แล้วสีนี้ก็ฆ่าคนได้ในเวลาต่อมาทั้งที่ตั้งใจและไม่ตั้งใจ เป็นต้นว่าสาเหตุการเจ็บป่วยของนโปเลียนคือเขาใช้สีนี้ในการแต่งห้องนอนของเขา ภาพวาดราตรีประดับดาว ของแวนโก๊ะและน้ำในภาพคลื่นยักษ์นอกฝั่งคานางาวะของโฮกุไซก็ใช้สีนี้ด้วย ช่วงเวลาหลักในการเล่าของสี่เรื่องแรกคือช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สอง นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในขณะนั้นเข้ามาในเรื่องหลายคน

อ่านเรื่องนี้แล้วคิดถึงเรื่องสั้นของบอร์เฆสที่เขียนเรื่องให้เหมือนเอกสารวิชาการแต่ทั้งหมดไม่มีจริงแต่เป็นเรื่องแต่ง เรื่องนี้เป็นเรื่องแต่งแต่เป็นข้อมูลจริงเสียส่วนใหญ่ ใครที่ชอบหนังเรื่องออพเพนไฮเมอร์ อยากอ่านเรื่องแนวนี้ต่อน่าจะตอบโจทย์ มีพูดถึงบทกวีภควัตคีตาเหมือนกัน มีข้อสังเกตว่านักวิทยาศาสตร์หลายคนชอบบทกวีบทนี้ ผมคิดว่านักวิทยาศาสตร์เหล่านี้คิดว่าตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกับอรชุนอยู่ก็เป็นได้

เหตุผลเพิ่มเติมที่ควรหาเล่มนี้มาอ่าน หนังสือแนวนี้ไม่ค่อยมีออกมาบ่อย ยิ่งแปลไทยยิ่งน้อยไปอีก แนะนำว่าตอนอ่านอย่าไปคิดด้วยเหตุผลตรรกะเยอะ อ่านแบบถอดสามัญสำนึกออกไปก่อน อ่านเป็นนวนิยายเลยไม่รู้เรื่องก็อ่านไปก่อนเดี๋ยวจบแล้วก็จะรู้เรื่องเองว่าไม่รู้เรื่อง อีกประการหนึ่งคือนวนิยายเรื่องนี้แปลจากภาษาสเปนโดยตรง ควรค่าแก่การสนับสนุน เราจะได้มีงานแปลตรงจากภาษาต้นฉบับเยอะๆ

นักคณิตศาสตร์-วิทยาศาสตร์ที่มีบทในเรื่อง

  • ฟริทซ์ ฮาเบอร์: คิดค้นกระบวนการสังเคราะห์แอมโมเนียจากไนโตรเจนในอากาศ
  • คาร์ล ชวาทซ์ชิลท์: ทำนายถึงการมีอยู่ของ “ภาวะเอกฐาน”
  • อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์: สร้างทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป
  • ชินอิจิ โมจิซูกิ: นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นผู้สร้าง “ทฤษฎี Inter-Universal Teichmüller”
  • อเล็กซานเดอร์ โกรเธนดีก: นักคณิตศาสตร์ผู้ทรงอิทธิพลอย่างสูงในศตวรรษที่ 20
  • แวร์เนอร์ ไฮเซินแบร์ค: หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลศาสตร์ควอนตัม
  • แอร์วิน ชเรอดิงเงอร์: การทดลองทางความคิด “แมวของชเรอดิงเงอร์”
  • หลุยส์ เดอ บรอย: เสนอแนวคิดปฏิวัติวงการเรื่อง “คลื่นสสาร”
  • นีลส์ โบร์: เป็นแกนนำของกลุ่มนักฟิสิกส์ที่โคเปนเฮเกน และเป็นผู้สนับสนุนคนสำคัญของ “การตีความแบบโคเปนเฮเกน”

หนังสืออ้างอิงท้ายเล่มที่ผู้เขียนบอกได้แก่:

  • วอลเทอร์ มัวร์, Schrödinger: Life and Thought
  • แมนจิต คูมาร์, Quantum: Einstein, Bohr and the Great Debate About the Nature of Reality
  • คริสเตียนุส เดโมคริตุส, Maladies and Remedies of the Life of the Flesh
  • จอห์น กริบบิน, Erwin Schrödinger and the Quantum Revolution
  • แอร์วิน ชเรอดิงเงอร์, My View of the World
  • อเล็กซานเดอร์ โกรเธนดีก, Récoltes et Semailles
  • อาร์เธอร์ ไอ. มิลเลอร์, Erotica, Aesthetics and Schrödinger’s Wave Equation
  • แวร์เนอร์ ไฮเซินแบร์ค, Physics and Philosophy: The Revolution in Modern Science
  • เดวิด ลินด์ลีย์, Uncertainty: Einstein, Heisenberg, Bohr and the Struggle for the Soul of Science
  • วินฟรีด ชาร์เลา และเมลิสซา ชเนปส์ (แปล), Who Is Alexander Grothendieck? Anarchy, Mathematics, Spirituality, Solitude
  • เอียน เคอร์ชอว์, Hitler
  • ดับเบิลยู.จี. เซบัลด์, The Rings of Saturn
  • คาร์ล ชวาทซ์ซิลท์, Collected Works
  • เจเรมี เบิร์นสไตน์, The Reluctant Father of Black Holes