อย่าย้ายคิ้ว
ตำนานเล่าว่า พระเยาวราช พูดคำโคลงหยอกเย้าศรีปราชญ์
เจ้าอย่าย้ายคิ้วช่ำ เมลืองมา
อย่าม่ายเมียงหางตา ล่อเหล้น (เล่น)
จะมาก็มารา อย่าเหนี่ยว นานเลย
ครั้นพี่มาอย่าเร้น เรียกเจ้าจงมา
กวีหนุ่มตอบว่า
เจ้าอย่าย้ายคิ้วให้ เรียมเหงา
ดูดุจนายพรานเขา ล่อเนื้อ
จะยิงก็ยิงเอา อกพี่ ราแม่
เจ็บไป่ปานเจ้าเงื้อ เงือดแล้วราถอย
โคลงนี้เปรียบเทียบการแสดงท่าทีให้ความหวังที่ไม่ชัดเจนของฝ่ายหญิง “ย้ายคิ้ว” ว่าเหมือนนายพรานที่กำลังล่อลวงเหยื่อ การเปรียบเทียบนี้ยกระดับการเกี้ยวพาราสีหนุ่มสาวให้กลายเป็นการต่อสู้เชิงจิตวิทยาที่ฝ่ายหนึ่งมีอำนาจเหนือกว่า จากนั้นเรียกร้องโดยเด็ดเดี่ยวและเปราะบางในเวลาเดียวกัน หากจะทำร้ายกันหรืออะไร ก็ขอให้ทำอย่างเด็ดขาด “จะยิงก็ยิงเอา อกพี่” เพราะความเจ็บปวดจาก “ไม่รัก” ที่ชัดเจนนั้น ยังไม่รุนแรงเท่าความทุกข์ทรมานจากการรอคอยที่ไม่แน่นอน “เจ็บไป่ปานเจ้าเงื้อ เงือดแล้วราถอย” ซึ่งเปรียบได้กับการที่นายพรานง้างคันธนูเล็งแล้ว แต่กลับลดลงโดยไม่ยอมยิง ปล่อยให้เหยื่อต้องหวาดผวาและทรมานต่อไปอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ไม่ ไม่ ไม่ ข้างต้นนั้นเป็นตัวอย่างวิเคราะห์เพียงชั้นแรก ไม่ได้ชี้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของโคลงนี้ เพราะที่จริงแล้วโคลงนี้ขี้เล่นตั้งแต่เริ่ม ทั้งการแซวพระเยาวราชว่า “ย้ายคิ้ว” นั้น so cute นาแม่ บารณี เล่นเอาคนมองเหงาเลยทีเดียว หยุดย้ายคิ้วเสียเถิดมัน cute เกินไป และวรรคต่อมาก็เดินหน้าใส่เกียร์ห้าเจ้าชู้ใส่เต็มที่ เล่นบทเป็นเหยื่อให้นางพรานสาวมาล่อเสียเฉยๆ เชื้อเชิญให้มาทำร้ายข้าเถิดที่รัก อย่าหยุดแค่ส่งสายตา ชั้นเชิงของกวีหนุ่มผู้นี้นั้นทั้งกวีโวหาร ความแม่นในฉันทลักษณ์นั้นน่าจะทำให้พระเยาวราชอมยิ้ม เขินอายได้ไม่มากก็น้อย
อีกสองสามร้อยปีต่อมาโคลงนี้ก็ถูกนำมาใช้ในเพลงยอดนิยมที่ เดาว่าน่าจะเป็นเพลงจีบสาวสมัยก่อนเลยมั้ง “พรานล่อเนื้อ”
เจ้ายักคิ้วให้พี่ เจ้ายิ้มในทีเหมือนเจ้าจะมีรักอารมณ์
ยั่วเรียมให้เหงามิใช่เจ้าชื่นชม อกเรียมก็ตรม ตรมเพราะคมตาเจ้า เรียมพะวักพะวง เรียมคิดทะนง แล้วเรียมก็คงหลงตายเปล่า ดังพรานล่อเนื้อ เงื้อแล้วเล็งเพ่งเอา ยั่วใจให้เมา เมาแล้วยิงนั่นแลน้าวศรเล็งเพ่งเอาทุกสิ่ง หากเจ้าหมายยิงก็ยิงซิแม่
ยิงอกเรียมสักแผล เงื้อแล้วแม่อย่าแปรอย่าเปลี่ยนใจเรียมเจ็บช้ำอุรา เจ้าเงื้อเจ้าง่าแล้วเจ้าก็ล่าถอยทันใด
เจ็บปวดหนักหนาเงื้อแล้วลาเลิกไป เจ็บยิ่งสิ่งใดไยมิยิงพี่เอย